You are currently viewing วิธีตรวจสอบมิจฉาชีพ ป้องกันภัยจากเบอร์แปลกที่คนไทยควรรู้

วิธีตรวจสอบมิจฉาชีพ ป้องกันภัยจากเบอร์แปลกที่คนไทยควรรู้

วิธีตรวจสอบมิจฉาชีพ ถือเป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะในปัจจุบันนี้ มีรายงานผู้เสียหายที่ต้องเจอกับภัยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกลโกงออนไลน์มากขึ้นทุกวัน มิจฉาชีพมักใช้วิธีการโทรศัพท์ ส่ง SMS หรือแม้กระทั่งแอปพลิเคชันปลอม เพื่อหลอกให้โอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยอาศัยกลยุทธ์ทำให้เหยื่อตกใจ รีบตัดสินใจ และไม่มีเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่งผลให้มีผู้สูญเสียเงินจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

การมีความรู้ในวิธีตรวจสอบมิจฉาชีพ จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะทุกท่านอาจตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพได้ทุกเมื่อ พวกเรา SCNews จึงขอสรุปแนวทางป้องกัน ตั้งแต่การสังเกตความแตกต่างระหว่างสายจริงกับสายหลอก เทคนิคตรวจสอบหมายเลขเบอร์โทรศัพท์ด้วยเครื่องมือดิจิทัล ไปจนถึงขั้นตอนที่ควรทำหากพลาดถูกโกงผ่านบทความนี้ เพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านสามารถรับมือกับมิจฉาชีพได้อย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น

วิธีตรวจสอบมิจฉาชีพ ความต่างระหว่างสายจริงกับสายหลอก

หนึ่งในจุดสังเกตที่ชัดเจนคือ รูปแบบการโทร หากเป็นเจ้าหน้าที่จากองค์กรจริง หมายเลขที่ใช้ติดต่อมักเป็นหมายเลขที่ลงทะเบียนกับศูนย์บริการ มีลักษณะเป็นเบอร์สั้น 4 หลัก หรือเบอร์สำนักงานขึ้นต้นด้วย 02 ไม่ใช่หมายเลขมือถือส่วนบุคคล และไม่มีการโทรมาก่อนล่วงหน้า ขณะเดียวกัน เมื่อกดรับสายจะได้ยินเสียงจริงของเจ้าหน้าที่ ที่สามารถบอกรายละเอียดชัดเจน เช่น ชื่อ นามสกุล และข้อมูลยืนยันตัวตน

ในทางกลับกัน สายจากมิจฉาชีพมักจะใช้เสียงอัตโนมัติ ให้กดตัวเลขเพื่อโอนสาย หรือพยายามสอบถามข้อมูลส่วนตัวโดยไม่แนะนำตัวเอง บางครั้งยังส่ง SMS ที่มีลิงก์แปลก ๆ เช่น ข้อความว่าถูกรางวัล หรือมีเงินรอรับ ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์กรจริงจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด

5 แนวทางตรวจสอบมิจฉาชีพ ผ่านช่องทางดิจิทัลและมือถือ

  • Whoscall : แอปพลิเคชันที่จะแสดงชื่อผู้โทรหรือองค์กร และช่วยบล็อกสายไม่พึงประสงค์ได้ทันที
  • Google Search : การค้นหาเบอร์ใน Google ช่วยระบุได้ว่ามีการเชื่อมโยงกับองค์กรหรือบุคคลใดหรือไม่
  • LINE : ใช้ฟังก์ชันเพิ่มเพื่อนด้วยเบอร์โทร หากเชื่อมกับบัญชี LINE จะขึ้นโปรไฟล์ทันที
  • Facebook : การค้นหาเบอร์อาจนำไปสู่โปรไฟล์ของเจ้าของหากมีการเชื่อมไว้
  • ตรวจสอบกับค่ายมือถือ : แต่ละเครือข่ายมีบริการเช็กเบอร์มิจฉาชีพ เช่น AIS กด 727, DTAC กด 102, TRUE กด 933

วิธีตรวจสอบมิจฉาชีพ หลังจากได้รับสายแปลก ๆ

หากตรวจสอบแล้วพบว่า เบอร์ที่โทรมาเข้าข่ายน่าสงสัย ควรรีบจัดการเพื่อป้องกันความเสียหายต่อไป การบล็อกเบอร์ผ่านแอปที่รองรับ เช่น Whoscall เป็นวิธีที่สะดวกและได้ผล งดให้ข้อมูลส่วนบุคคลทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเลขบัตรประชาชน เลขบัญชีธนาคาร หรือรหัส OTP รวมถึงไม่คลิกลิงก์ที่ส่งมาทาง SMS เพราะเสี่ยงต่อการติดมัลแวร์หรือถูกขโมยข้อมูล

การมีสติเมื่อได้รับสาย คือปัจจัยสำคัญที่สุด หากไม่แน่ใจ ควรวางสายแล้วติดต่อกลับไปยังองค์กรที่ถูกอ้างอิงโดยตรง ผ่านหมายเลขที่อยู่บนเว็บไซต์ทางการหรือศูนย์บริการ เพื่อยืนยันข้อมูลอีกครั้ง

หากพลาดโอนเงินไปแล้ว ต้องทำอย่างไร

ในกรณีที่ไม่ทันระวังตัวและโอนเงินไปแล้ว ควรรีบติดต่อธนาคารที่ใช้งานอยู่ทันทีผ่านสายด่วน 24 ชั่วโมง เพื่อขออายัดธุรกรรม จากนั้นแจ้งความกับตำรวจ โทร. 1441 หรือ 1599 รวมถึงสามารถแจ้งออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ thaipoliceonline.com และศูนย์ PCT ที่เบอร์ 081-866-3000 สิ่งสำคัญคือการเก็บหลักฐานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสลิปการโอน บันทึกการโทร หรือข้อความแชท เพื่อใช้ดำเนินคดีและติดตามเงินคืน

ในยุคที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์และกลโกงออนไลน์มีมากมายหลายช่องทาง การรู้จักกับ วิธีตรวจสอบมิจฉาชีพ เป็นสิ่งที่ทุกคนควรเรียนรู้และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเช็กเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย การสังเกตลักษณะสายจริงกับสายหลอก หรือการบล็อกหมายเลขที่น่าสงสัย

สิ่งสำคัญที่สุดคือ การไม่รีบร้อนเชื่อคำพูดของผู้โทร ไม่โอนเงินโดยไม่ตรวจสอบ และไม่คลิกลิงก์จากข้อความแปลก ๆ การมีสติคือเกราะป้องกันชั้นแรก ที่จะช่วยให้คุณและคนในครอบครัวปลอดภัยจากมิจฉาชีพทุกรูปแบบ