You are currently viewing ค่าไฟลด 2569 รัฐบาลยืนยันต้นปีหน้า จ่ายไม่เกิน 3.90 บาทต่อหน่วย

ค่าไฟลด 2569 รัฐบาลยืนยันต้นปีหน้า จ่ายไม่เกิน 3.90 บาทต่อหน่วย

ค่าไฟลด 2569 นโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ประกาศเดินหน้าทันที เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยรอบต้นปี 2569 (มกราคม–เมษายน) จะเห็นการปรับลดค่าไฟเหลือประมาณ 3.90 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบันที่ 3.94 บาทต่อหน่วย ถือเป็นสัญญาณแรกของการขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานที่จับต้องได้ ส่งผลโดยตรงต่อทั้งครัวเรือนและภาคธุรกิจทั่วประเทศ

นโยบายนี้ ได้รับการยืนยันจากพรรคภูมิใจไทยและว่าที่รัฐมนตรีพลังงาน ซึ่งกำลังหาวิธีลดต้นทุนพลังงานผ่านกลไกการอุดหนุน งบประมาณ และการจัดการเชื้อเพลิงในระบบไฟฟ้า โดยเบื้องต้นรัฐบาลระบุชัดว่า “ขั้นต่ำ 4 สตางค์ต่อหน่วย” จะถูกปรับลดลงแน่นอนในปีหน้า

เหตุผลที่รัฐบาล เร่งนโยบายลดค่าไฟ

การเร่งดำเนินนโยบายดังกล่าว มีสาเหตุหลักจากภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า ที่ถือเป็นต้นทุนพื้นฐานทั้งสำหรับครัวเรือนและภาคธุรกิจ ตัวเลขจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ระบุว่า ค่าไฟฟ้าในปี 2568 ถูกกำหนดให้อยู่ที่ 3.94 บาทต่อหน่วย แม้จะมีการอุดหนุนเพื่อลดค่าใช้จ่ายไปแล้ว แต่ภาคอุตสาหกรรมและผู้บริโภคยังมองว่าค่าใช้จ่ายยังสูงเกินไป เมื่อเทียบกับรายได้ที่ไม่เติบโตสอดคล้อง

อีกทั้งสถานการณ์ต้นทุนด้านพลังงาน เช่น ราคาก๊าซธรรมชาติที่นำเข้า และภาระค่าใช้จ่ายจากโรงไฟฟ้าที่หมดสัญญา แต่ยังมีค่าพร้อมจ่าย (AP) แฝงอยู่ในโครงสร้างค่าไฟ ทำให้ภาครัฐจำเป็นต้องเร่งปรับกลไกเพื่อลด “ไขมันส่วนเกิน” ของระบบไฟฟ้า ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายลดค่าครองชีพและสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในภาพรวม

แนวทางปรับโครงสร้างพลังงานรองรับ ค่าไฟลด 2569

กพช. ยังอนุมัติชุดมาตรการ เพื่อลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในระยะยาวอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น

  • ขยายอายุโรงไฟฟ้าน้ำพองออกไป 6 ปี ช่วยประหยัดต้นทุนกว่า 28,000 ล้านบาท
  • เลื่อนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะบางเครื่อง พร้อมปรับปรุงให้ใช้งานต่อได้ถึงปี 2591 ลดการนำเข้า LNG และลดค่า Ft ลงเฉลี่ย 3.67 สตางค์ต่อหน่วย
  • เดินหน้าโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เช่น ลมและแสงอาทิตย์ เพื่อเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด
  • คงโครงสร้าง Enhance Single Buyer (ESB) และเดินหน้าโครงการ Demand Response (DR) เพื่อควบคุมต้นทุนไฟฟ้า

มาตรการเหล่านี้จะช่วยกดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง และสร้างเสถียรภาพค่าไฟในระยะยาวให้กับประชาชน

ผลกระทบต่อประชาชนและภาคธุรกิจ

การลดค่าไฟในปี 2569 แม้จะเป็นเพียง 4 สตางค์ต่อหน่วย แต่ก็มีนัยสำคัญต่อชีวิตประจำวันของประชาชนและการดำเนินงานของภาคธุรกิจ สำหรับครัวเรือนทั่วไป การที่ค่าไฟปรับลดลง ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพในช่วงที่ราคาสินค้าและค่าครองชีพยังอยู่ในระดับสูง การใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ทุกเดือน หากลดลงแม้เพียงเล็กน้อย ก็ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ภาครัฐกำลังให้ความสำคัญกับปัญหาปากท้องประชาชน

ขณะเดียวกัน ในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง เช่น การผลิตอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ จะได้รับผลดีโดยตรงจากต้นทุนการผลิตที่ลดลง แม้จะไม่ใช่ตัวเลขที่มาก แต่ก็ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการว่า ภาครัฐพร้อมจะใช้มาตรการด้านพลังงาน เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

มาตรการรัฐ–เอกชนร่วมผลักดัน ค่าไฟลด 2569

นโยบายลดค่าไฟ ไม่ได้อาศัยเพียงการอุดหนุนจากภาครัฐเท่านั้น แต่ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือจากภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) และผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP และ VSPP) ที่ต้องเจรจาทบทวนสัญญาและต้นทุนการผลิต บางส่วน มีการเสนอขยายอายุสัญญา เพื่อแลกกับการปรับลดค่าไฟให้สอดคล้องกับต้นทุนจริง ขณะเดียวกัน ภาครัฐยังเดินหน้าส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน เช่น โครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า LNG ที่มีต้นทุนสูง

อีกหนึ่งมาตรการสำคัญคือ การใช้ระบบ Demand Response (DR) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ไฟฟ้าลดการใช้ในช่วงพีค โดยรัฐจะบรรจุค่าใช้จ่ายชดเชย DR ไว้ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) เพื่อควบคุมค่าไฟอย่างยั่งยืน ความร่วมมือเชิงโครงสร้างนี้จึงเป็นหัวใจของการผลักดันนโยบายลดค่าไฟให้เป็นจริง ไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

สถานการณ์ค่าไฟในอนาคต

แม้นโยบายลดค่าไฟ จะช่วยบรรเทาภาระประชาชนได้ในระยะสั้น แต่ในอนาคตก็ยังมีความท้าทายรออยู่ ทั้งในมิติราคาพลังงานโลกที่ผันผวน การนำเข้า LNG ที่ยังคงเป็นต้นทุนหลักของระบบไฟฟ้า รวมถึงความจำเป็นในการลงทุนพลังงานสะอาดเพื่อเป้าหมาย Net Zero ที่อาจทำให้ต้นทุนบางส่วนปรับเพิ่มขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานประเมินว่า หากภาครัฐสามารถปรับโครงสร้างค่าไฟให้โปร่งใส ลดค่าใช้จ่ายส่วนที่ไม่จำเป็น และส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ค่าไฟฟ้าในระยะยาวมีโอกาสทรงตัวหรือปรับลดได้ ตามประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน แต่หากโครงสร้างยังคงภาระต้นทุนสูงเหมือนที่ผ่านมา ประชาชนอาจต้องเผชิญรอบการขึ้นค่าไฟในอนาคตอีกครั้ง

มาตรการ ค่าไฟลด 2569 ที่จะทำให้ค่าไฟเหลือ 3.90 บาทต่อหน่วยในรอบมกราคม–เมษายน 2569 ถือเป็นการบรรเทาภาระค่าครองชีพที่จับต้องได้ และเป็นสัญญาณถึงความจริงจังของรัฐบาลในการดูแลด้านพลังงาน

อย่างไรก็ตาม SCNews การลดค่าไฟในระยะยาว ยังต้องอาศัยการปรับโครงสร้างพลังงาน การเพิ่มพลังงานหมุนเวียน และการจัดการต้นทุนโรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ หากรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ครบถ้วน ประชาชนและภาคธุรกิจจะได้รับประโยชน์ที่ยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่การลดค่าไฟชั่วคราวในระยะสั้นเท่านั้น