ปฏิเสธไม่ได้ว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันเข้าขั้นวิกฤตจนทำให้ผู้ประกอบการหลายรายได้รับผลกระทบหนัก โรงงานและบริษัทหลายแห่งต้องปิดตัวลง ส่งผลให้ลูกจ้างตกงานเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันรัฐบาลยังมีนโยบายขึ้นค่าแรง 400 บาท ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนตุลาคม 2567 นี้ นั่นยิ่งทำให้นายจ้างจะต้องจ่ายเงินค่าแรงและเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงเพิ่มมาตรการปรับ ลดเงินสมทบประกันสังคม 2567 เพื่อช่วยเยียวยาผู้ประกอบการและลูกจ้าง ทั้งนี้ยังมีประเด็นสำคัญอื่น ๆ ที่นายจ้างและลูกจ้างควรรู้อย่างไรบ้างนั้นตามมาดูกันเลย
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการปรับ ลดเงินสมทบประกันสังคม 2567 นายจ้างและลูกจ้างควรรู้
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่ารัฐบาลมีมาตรการปรับลดเงินสมทบประกันสังคม 2567 เพื่อช่วยเยียวยาผู้ประกอบการและแรงงานจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการเยียวยาชั่วคราวเท่านั้น โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567 จากเดิมนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ต้องจ่ายเงินสมทบประกันสังคม 5% คราวนี้จะลดเหลือ 3% นั่นแสดงว่ารัฐบาลจะลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้ฝ่ายละ 2% อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นสำคัญที่นายจ้างและลูกจ้างควรรู้พร้อมทำความเข้าใจ ดังนี้
- จุดประสงค์หลักของมาตรการนี้ ภาครัฐต้องการเยียวยาทั้งผู้ประกอบการและแรงงานผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจภายในประเทศไม่เติบโตเท่าที่ควร
- ลักษณะการดำเนินการของมาตรการ จะดำเนินการในลักษณะเดียวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีการปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมลงชั่วคราวเท่านั้น
- การกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม กระทรวงแรงงานจะยกร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของปีใดปีหนึ่งมา 1 ฉบับ เพื่อหารือและเคาะตัวเลขในขั้นสุดท้าย
- เงินสมทบจากรัฐบาลแม้ว่าจะมีมาตรการปรับลดเงินสมทบประกันสังคมให้กับนายจ้างและลูกจ้างแบบชั่วคราว แต่รัฐบาลจะยังคงส่งเงินสมทบอัตราเดิม 2.75% ของค่าจ้างผู้ประกันตน
- การคำนวณเงินบำนาญชราภาพ ปี พ.ศ. 2568 จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเพราะยังใช้ฐานค่าจ้างเดิมที่นำส่งประกันสังคมมาคำนวณ แม้ว่าจะมีการปรับลดเงินสมทบประกันสังคมก็ตาม
มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการและแรงงานลดเงินสมทบประกันสังคม 2567 แบบชั่วคราว
จากข้อมูลและประเด็นของการปรับลดเงินสมทบประกันสังคม 2567 ที่กล่าวมาข้างต้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์และช่วยให้ผู้ประกอบการ รวมถึงแรงงานผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้ทราบและเข้าใจถึงมาตรการเยียวยาที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เพื่อเตรียมตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการระยะสั้น ซึ่งจะเริ่มเยียวยาในเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 เท่านั้น ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการหารือ เตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ดังนั้นเราจะต้องติดตามความคืบหน้ากันต่อไป
Website : สาระน่ารู้