ประกันสังคม 2568 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสิทธิประโยชน์ครั้งสำคัญ และเป็นเรื่องที่ผู้ประกันตนทุกกลุ่มต้องรับทราบ เนื่องจากการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของประกันสังคม เป็นการปรับเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกันตนในปัจจุบันมากขึ้น ทั้งในแง่ของการคุ้มครองสุขภาพ การเงิน และด้านอื่น ๆ อีกมากมาย
และบทความของ SC News ในวันนี้ จะขอพาทุกท่านไปดูกันว่า ในปี 2568 นี้ ประกันสังคมมีการพิจารณาปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ให้กับผู้ประกันตนในเรื่องใดบ้าง รายละเอียดในแต่ละสิทธิ์เป็นอย่างไร สามารถอ่านในบทความนี้กันได้เลย
ประกันสังคม 2568 หักเงินเท่าไหร่
ก่อนจะไปดูการปรับสิทธิ์ประกันสังคมในเรื่องต่าง ๆ เราไปดูกันก่อนว่า เงินสมทบประกันสังคม ในข้อมูลอัพเดทล่าสุดเดือนมกราคม 2568 ผู้กันตนในกลุ่มต่าง ๆ ต้องจ่ายเงินสมทบเป็นจำนวนเท่าไหร่กันบ้าง
ผู้ประกันตนมาตรา 33 (ม. 33)
พนักงานประจำ พนักงานหรือลูกจ้างทุกระดับตำแหน่งที่สถานประกอบการจ้าให้ทำงานเป็นประจำ ที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ต้องจ่ายเงินสมทบเป็นจำนวน 5% ของรายได้ต่อเดือน คิดจากฐานค่าจ้างต่ำสุด 1,650 บาท สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท โดยลูกจ้างและนายจ้างจ่ายฝั่งละ 5% เงินเดือน 15,000 ขึ้นไป ต้องจ่ายเงินสมทบ 750 บาทต่อเดือน
ผู้ประกันมาตรา 39 (ม. 39)
บุคคลที่เคยทำงานในบริษัทเอกชนและเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 มาก่อน ได้ลาออกจากบริษัท แต่ต้องการรักษาสิทธิประกันสังคมเอาไว้ จึงสมัครใช้สิทธิในมาตรา 39 แทน ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบประกันสังคมด้วยตนเองเป็นจำนวน 432 บาทต่อเดือน
ผู้ประกันตนมาตรา 40 (ม.40)
ประชาชนทั่วไปที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือแรงงานนอกระบบที่มีอายุ 15-65 ปี ต้องไม่เป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 และ 39 มี 3 ทางเลือกด้วยกัน ดังนี้
- จ่าย 70 บาทต่อเดือน ได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มครอง 3 กรณีคือ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต
- จ่าย 100 บาทต่อเดือน ได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มครอง 4 กรณีคือ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ
- จ่าย 300 บาทต่อเดือน ได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มครอง 5 กรณีคือ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ และ สงเคราะห์บุตร

สิทธิประกันสังคมในปี 2568 ปรับเรื่องใดบ้าง
เพื่อไม่ให้ผู้ประกันตนทุกกลุ่มต้องพลาดข้อมูลข่าวสารการปรับสิทธิประกันสังคมในปี 2568 ไปดูกันเลยว่า มีเรื่องอะไรที่มีการปรับปรุงบ้าง ซึ่งสิทธิในแต่ละข้อที่เรากำลังจะพาไปดูในลำดับต่อไป บางข้อมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา
เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรเป็น 1,000 บาท
สิทธิประกันสังคม 2568 ได้ให้ผู้ประกันตนในมาตรา 33 และ 39 ที่มีบุตรตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ได้รับเงินสงเคราะห์บัตร จากเดิม 800 บาท เพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน ได้สิทธิ์คราวละไม่เกิน 3 คน ผู้ประกันตนที่ได้รับเงินสงเคราะห์บุตรอยู่แล้ว ทางประกันสังคมจะปรับเงินสงเคราะห์บุตรให้เป็น 1,000 บาทต่อเดือนในเดือนมกราคม 2568
รักษามะเร็งได้ทุกโรงพยาบาล
ประกันสังคมเพิ่มสิทธิ์ให้ผู้ประกันตนเข้ารักษามะเร็งได้ในทุกโรงพยาบาล ทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนที่ทำความตกลงไว้กับสำนักงานประกันสังคม ไม่จำเป็นต้องรักษาเฉพาะโรงพยาบาลประกันสังคมตามสิทธิ์เท่านั้น ผู้ประกันตนแบบครบวงจร สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยไปจนถึงขั้นตอนการรักษาได้เลย
เพิ่มโรงพยาบาลประกันสังคมอีก 7 แห่ง
ประกันสังคม 2568 ได้ประกาศเพิ่มสถานพยาบาลในประกันสังคมอีก 7 แห่ง ทำให้ตอนนี้มีโรงพยาบาลในประกันสังคมทั้งหมด 271 แห่ง แบ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐ 174 แห่งและโรงพยาบาลเอกชน 97 แห่ง โดยผู้ประกันตนสามารถเปลี่ยนสิทธิประกันสังคมได้ปีละ 1 ครั้ง รายชื่อของโรงพยาบาลที่เพิ่มมาอีก 7 แห่ง มีดังนี้
- โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กรุงเทพฯ
- โรงพยาบาลกาญจนดิษฐ์ สุราษฎร์ธานี
- โรงพยาบาลราชวิถี 2 (รังสิต) ปทุมธานี
- โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
- โรงพยาบาลวัฒนแพทย์สมุย สุราษฎร์ธานี
- โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 ชลบุรี
- โรงพยาบาลราชธานี หนองแค สระบุรี
เงินทดแทนว่างงานเพิ่มเป็น 60%
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผ่านการเห็นชอบแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการประกาศสำหรับปี 2568 ในกรณีที่ผู้ประกันตนว่างงานเพราะถูกเลิกจ้าง ให้มีสิทธิ์รับเงินทดแทนเป็น 60% ของค่าจ้างรายวัน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ได้ 50% ของค่าจ้างรายวัน ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
นอกเหนือจาก 4 เรื่องที่เราได้นำมาอัปเดตให้กับผู้ประกันตนได้รับทราบกันแล้ว สำนักงานประกันสังคมยังมีแผนจะปรับสิทธิประโยชน์ในเรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกด้วย อาทิเช่น สิทธิ์ทำฟันประกันสังคม ขยายฐานอายุผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็น 65 ปี เพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้ในกรณีทุพพลภาพ ปรับเพดานค่าจ้าง และอีกหลายโครงการ แนะนำให้ผู้ประกันตนคอยติดตามข่าวสารของประกันสังคม 2568 เพื่อจะได้รับรู้สิทธิของตนเอง
ทั้งหมดนี้คือการอัปเดตข้อมูลการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนในมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ตามนโยบานยของ ประกันสังคม 2568 ผู้ประกันควรทำความเข้าใจกับสิทธิของตนเอง เพื่อเป็นการรักษาสิทธิที่พึงจะได้ และสามารถใช้สิทธิได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว