กยศ. คำนวณหนี้ใหม่ เป็นนโยบายของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่กำลังเริ่มดำเนินการคำนวณหนี้ใหม่ ตามกฎหมายฉบับปรับปรุงล่าสุด เพื่อทำให้การคิดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับมีความเป็นธรรมมากขึ้น โดยจะทยอยอัปเดตยอดหนี้ และเปิดให้ผู้กู้ตรวจสอบได้ผ่านแอป กยศ. Connect เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
ซึ่งประเด็นดังกล่าว ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ส่งผลต่อผู้กู้จำนวนมาก และในวันนี้ SCNews จะขอมาสรุปรายละเอียดสำคัญในประเด็นนี้ ไปจนถึงเรื่องผลกระทบต่อผู้กู้ยืมด้วยว่า การคำนวณหนี้ใหม่ครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ช่วยลดภาระหนี้ได้มากน้อยแค่ไหน

กยศ. คำนวณหนี้ใหม่ คืออะไร
การคำนวณหนี้ใหม่ (Recalculation) เป็นการปรับโครงสร้างการคิดยอดหนี้ให้สอดคล้องกับ พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 โดยมีสาระสำคัญคือ
- เปลี่ยนลำดับการตัดชำระหนี้จากเดิมที่ตัด “เบี้ยปรับ – ดอกเบี้ย – เงินต้น” มาเป็น “เงินต้น – ดอกเบี้ย – เบี้ยปรับ”
- ดอกเบี้ยกำหนดใหม่เพียง 1% ต่อปี
- เบี้ยปรับลดจากเดิมสูงสุด 18% เหลือเพียง 0.5% ต่อปี
การคำนวณหนี้ กยศ. แบบใหม่ในครั้งนี้ ส่งผลให้ผู้กู้จำนวนมากมียอดหนี้ที่ลดลงอย่างชัดเจน และบางรายอาจถึงขั้นหมดหนี้ไปเลยก็ได้ หากผู้กู้เคยชำระหนี้เกินไปในอดีต
ใครตรวจสอบยอดหนี้ใหม่ได้แล้วบ้าง
กยศ. เริ่มต้นดำเนินการกับกลุ่มผู้กู้ยืมที่มีสถานะ “ชำระปกติ” เป็นกลุ่มแรก จำนวน 556,000 บัญชี ซึ่งผ่านการตรวจสอบความถูกต้องแล้ว ผู้กู้สามารถเข้าไปดูยอดหนี้ใหม่ได้ใน แอปพลิเคชัน กยศ. Connect ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
สำหรับผู้กู้กลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มที่ค้างชำระ และกลุ่มที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ซึ่งรวมกันกว่า 3.5 ล้านบัญชี กยศ. จะทยอยดำเนินการคำนวณหนี้ และปรับยอดหนี้ใหม่ในลำดับถัดไป โดยย้ำว่า จะตรวจสอบข้อมูลทุกขั้นตอนให้ถูกต้องและโปร่งใส
หลังตรวจสอบยอด กยศ. คำนวณหนี้ใหม่ ต้องทำอย่างไร
ผู้กู้ที่ตรวจสอบยอดหนี้ใหม่ในระบบ จะพบ 2 กรณีหลัก ๆ ได้แก่
- ยังมียอดหนี้คงเหลือ – สามารถชำระหนี้ต่อได้ตามปกติ ผ่าน Mobile Banking โดยสแกน QR Code หรือช่องทางอื่น ๆ ที่ กยศ. กำหนด ระบบจะปรับยอดหนี้ให้เป็นปัจจุบันภายใน 3 วันทำการ
- ชำระเกิน – หากพบว่ามีการชำระเกินจากยอดหนี้จริง ผู้กู้สามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินคืนได้โดยตรงที่เว็บไซต์ของ กยศ.
ซึ่งระบบใหม่นี้จะช่วยให้ผู้กู้เห็นยอดหนี้ที่ถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้ด้วยตนเอง
เบื้องหลังการแก้ พ.ร.บ. กยศ. 2566
สาเหตุที่ต้องแก้กฎหมาย กยศ. ในปี 2566 มาจากปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบเดิมและเสียงวิจารณ์ในสังคมอย่างต่อเนื่อง
- ลำดับการตัดหนี้แบบเดิม เป็น ตัด “เบี้ยปรับ – ดอกเบี้ย – เงินต้น” ก่อน ทำให้ผู้กู้หลายรายรู้สึกว่า หนี้ไม่ลด แม้จะมีการชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง
- เบี้ยปรับสูงเกินไป – เดิมสามารถคิดได้สูงสุดถึง 18% ต่อปี ทำให้ผู้กู้ที่ค้างชำระเพียงเล็กน้อย กลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ในเวลาไม่นาน
- ความโปร่งใสไม่ชัดเจน – ผู้กู้บางรายไม่เข้าใจว่า ยอดหนี้ถูกคำนวณอย่างไร และตรวจสอบได้ยาก
ดังนั้น พ.ร.บ. กยศ. (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 จึงปรับโครงสร้างใหม่ โดยเน้นความเป็นธรรม ลดดอกเบี้ยเหลือ 1% ต่อปี ลดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี และเปิดให้ตรวจสอบหนี้ผ่านระบบดิจิทัล เช่น DSL และ กยศ. Connect เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและตรวจสอบได้จริง
ประโยชน์ของการคำนวณหนี้ใหม่
การที่ กยศ. คำนวณหนี้ใหม่ สร้างผลดีต่อผู้กู้ยืมในหลายด้าน ได้แก่
- ยอดหนี้ลดลงจริง ช่วยให้ผู้กู้ไม่รู้สึกว่าภาระเกินความสามารถ
- ดอกเบี้ยและเบี้ยปรับอยู่ในระดับเหมาะสม ลดโอกาสหนี้พุ่ง
- ผู้กู้เข้าถึงข้อมูลหนี้ได้สะดวกผ่านแอป กยศ. Connect ตรวจสอบได้ทุกที่ทุกเวลา
- เพิ่มความเชื่อมั่นในระบบกองทุน ว่ามีมาตรฐานที่โปร่งใสและตรวจสอบได้
กยศ. คำนวณหนี้ใหม่ เป็นข่าวดีที่ช่วยลดภาระผู้กู้ การปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี้ ถือเป็นข่าวดีของผู้กู้ กยศ. เพราะช่วยลดภาระการชำระหนี้ลงอย่างเห็นได้ชัด หลายรายอาจสามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้น ขณะที่บางรายอาจได้รับเงินคืนจากส่วนที่เคยชำระเกิน
ซึ่ง SCNews มองว่า การคำนวณหนี้ใหม่ ไม่เพียงช่วยลดภาระผู้กู้โดยตรงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ที่โปร่งใสและเป็นธรรมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้กู้ควรทำควบคู่กันคือ การชำระหนี้ตรงเวลา เพื่อรักษาสิทธิ์ของตนเอง และทำให้กองทุนยังคงยั่งยืนสำหรับนักเรียน–นักศึกษาในรุ่นต่อไป