กรดไหลย้อน เกิดจากอะไร นี่เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย เพราะในปัจจุบันนี้ มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อน ผู้ป่วยบางรายที่มีอาการโรคกรดไหลย้อนกำเริบก็อาจถึงขั้นที่ว่า พวกเขาไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เลย ท่านผู้อ่านที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนอาจจะมองว่า โรคนี้เป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก ๆ แต่ในความเป็นจริง โรคนี้เป็นภัยเงียบใกล้ตัวมากกว่าที่คิด และยังเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนอีกด้วย
บทความของ SCNews วันนี้จะขอพาทุกท่านไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดโรคกรดไหลย้อน การสังเกตอาการของโรค ไปจนถึงวิธีการป้องกันโรคกรดไหลย้อนด้วย เพื่อไม่ให้คุณกลายเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอันแสนทรมานกายและใจโรคนี้ หากท่านผู้อ่านพร้อมแล้ว เชิญทุกท่านไปอ่านเนื้อหาที่พวกเรานำเสนอได้เลย
ตอบคำถามพร้อมอธิบาย กรดไหลย้อน เกิดจากอะไร
โรคกรดไหลย้อน (GERD) เป็นภาวะที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร ซึ่งเกิดจากกรดในกระเพาะอาหาร จนทำให้เกิดอาการที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และยังเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้อีกด้วย เช่น หลอดอาหารอักเสบ
อย่างที่เราบอกไปในหัวข้อบทนำว่า โรคกรดไหลย้อนถือเป็นโรคที่อันตรายและใกล้ตัวมาก ๆ เพราะโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน สาเหตุหลักของโรคนี้ก็คือ “พฤติกรรมการดำเนินชีวิต” นั่นเอง โดยแบ่งเป็นหลากหลายพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดโรคได้ ดังนี้
- หลอดอาหารส่วนปลายคลายตัว โดยที่ยังไม่กลืนอาหาร
- ความดันจากหูรูดของหลอดอาหารส่วนปลายลดลงต่ำกว่าปกติ หรืออาจเกิดการเลื่อนของกระเพาะอาหารเข้าไปในหลอดอาหาร
- เกิดจากเชื้อแบคมีเรียบางชนิด ในผู้ป่วยบางรายก็มีความเกี่ยวข้องที่มาจากพันธุกรรมด้วย
- พฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่เสี่ยงต่อการเป็นโรค เช่น การรับประทานอาหารเสร็จแล้วนอนทันที หรือการรับประทานอาหารที่มีความมันมากจนเกินไป
- ภาวะความเครียด ผู้ที่มีความเครียดมักมีภาวะหลอดอาหารที่มีความไวเกินต่อสิ่งกระตุ้น หลอดอาหารไวต่อกรด เมื่อมีกรดไหลย้อนขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ก็จะแสดงอาการให้เห็นได้ทันที
- ปัจจัยอื่น ๆ เช่น โรคอ้วน การตั้งครรภ์ การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ รวมไปถึงการรับประทานยาบางชนิดด้วย
สัญญาณเตือนของการเป็นโรคกรดไหลย้อน
หลังจากที่ทุกท่านได้ทราบกันไปแล้วว่า กรดไหลย้อน เกิดจากอะไร เราจะขอพูดถึงอาการของโรคกรดไหลย้อน ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณเตือนของการเป็นโรค หากท่านผู้อ่านหรือคนในครอบครัวมีอาการดังที่เรากล่าวไป นั่นหมายความว่าตัวของท่านหรือพวกเขา อาจกำลังเผชิญกับโรคกรดไหลย้อนอยู่ในตอนนี้
- มีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก และจะมีอาการมากหลังรับประทานอาหารมื้อหนัก
- มีอาการเรอเปรี้ยว มีของเหลวรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก
- ท้องอืด แน่นท้อง รู้สึกได้เลยว่าอาหารไม่ย่อย
- คลื่นไส้ อาเจียน หลังรับประทานอาหาร
- เจ็บหน้าอก จุก รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างติดอยู่ในลำคอ
- หืดหอบ ไอแห้ง ๆ เสียงแหบ เสียงหาย
- มีอาการเจ็บคอเรื้อรัง
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนควรพบแพทย์ทันที แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจซักประวัติและวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุของอาการที่แท้จริง ซึ่งการวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อนส่วนใหญ่ แพทย์จะทำการส่องกล้องตรวจหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น รวมไปถึงการเอกซเรย์ด้วย หากผู้ป่วยที่เป็นโรคกรดไหลย้อนไม่ยอมรักษา มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดอาหารตีบ และอาจร้ายแรงจนถึงขั้นเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้ด้วย
การปรับพฤติกรรม ช่วยรักษาโรคกรดไหลย้อนได้
เพราะคำตอบของคำถามที่ว่า กรดไหลย้อน เกิดจากอะไร คือเรื่องของพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนั้น การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ถูกต้องก็สามารถช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคกรดไหลย้อนได้ด้วยเช่นกัน การปรับพฤติกรรมถือเป็น “วิธีการรักษากรดไหลย้อนที่ต้นเหตุ” โดยผู้ที่ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนสามารถทำตามได้ ดังนี้
- รับประทานอาหารในปริมาณน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง แทนการรับประทานอาหารหนัก ๆ ในแต่ละมื้อ
- หลีกเลี่ยงการนอนหลับทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ควรรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายของวันก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
- ลด ละ เลิก การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
อาหารที่ผู้ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนไม่ควรรับประทาน
ในหัวข้อสุดท้ายนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงเรื่องประเภทของอาหารให้ท่านผู้อ่านได้รู้กันไปเลยว่า ผู้ที่ป่วยเป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร กันบ้าง โดยมีประเภทของอาหาร ดังนี้
- อาหารที่มีไขมันสูง : อาหารทอด อาหารมัน ฟาสต์ฟู้ด รวมไปถึงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เพราะเมื่อไขมันไปรวมกับกรดในกระเพาะอาหาร จะทำให้รู้สึกจุก
- อาหารที่มีแก๊สมาก : น้ำอัดลม โซดา เครื่องดื่มชูกำลัง อาหารรสเผ็ดจัดหรือเปรี้ยวจัด เพราะอาหารประเภทนี้จะไปกระตุ้นให้มีการสร้างน้ำย่อยมากขึ้น
- น้ำส้มสายชู : ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ไม่ควรเติมน้ำสมสายชูเพื่อปรุงอาหาร เพราะเป็นการเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ : สุรา ไวน์ เบียร์ ค็อกเทล และเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้จะไปกระตุ้นกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารให้เปิดออก ทำให้กรดย้อนกลับไปที่หลอดอาหารได้ง่ายขึ้น
- ผักและผลไม้ที่มีความเป็นกรดสูง : เช่น หอมหัวใหญ่ กระเทียม พริก พริกไทย หอมแดง ส่วนผลไม้ก็เป็นพวก ส้ม องุ่น มะนาว มะเขือเทศ สัปปะรด รวมถึงน้ำผลไม้รสเปรี้ยวด้วย
- อาหารหมักดอง : ปลาร้า หน่อไม้ดอง ผักกาดดอง ผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม กิมจิ ล้วนเพิ่มแก๊สในกระเพาะอาหารทั้งนั้น
- อาหารเสริมที่มีไขมันสูง : น้ำมันตับปลา วิตามินอี วิตามินซี มีความเสี่ยงในการเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารได้
- หมากฝรั่ง : ผู้ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่งบ่อย เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งน้ำลาย การกลืนน้ำลายลงท้องจะทำให้เรากลืนลมลงกระเพาะอาหารมากขึ้นด้วย
บทความนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ทำความเข้าใจว่า กรดไหลย้อน เกิดจากอะไร รวมไปถึงการสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณเตือนว่า คุณอาจจะกำลังเผชิญกับโรคกรดไหลย้อนอยู่หรือไม่ รวมไปถึงวิธีการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เป็นหัวใจสำคัญในการรักษาและบรรเทาอาการโรคกรดไหลย้อนด้วย
เพราะโรคกรดไหลย้อนเป็นภัยเงียบที่อันตรายและใกล้ตัวมากกว่าที่คุณคิด การใส่ใจร่างกายและการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง นอกจากจะช่วยป้องกันโรคกรดไหลย้อนได้แล้ว ยังช่วยป้องกันโรคเรื้อรังที่ร้ายแรงได้อีกด้วย