กินน้ำเยอะทำให้สมองบวม จริงหรือไม่ เราอาจจะเคยได้ยินข่าวว่าดื่นน้ำเยอะทำให้หมดสติได้ จริง ๆ แล้วทางการแพทย์ เรียกอาการแบบนี้ว่า water intoxication หรือน้ำเป็นพิษ เป็นอาการที่ดื่มน้ำเป็นจำนวนมาก ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งไตของคนเรา สามารถขับน้ำออกได้0.8 ถึง 1.0 ลิตรต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการที่เราดื่มน้ำปริมาณมากในเวลาอันสั้น จึงทำให้ไตไม่สามารถกำจัดน้ำส่วนเกินออกได้ทัน
สาเหตุที่ กินน้ำเยอะทำให้สมองบวม
เมื่อมีน้ำเป็นปริมาณมากในกระแสเลือด น้ำก็จะไปเจือจางสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย เกลือแร่ในร่างกายนั้นก็คือโซเดียม เมื่อโซเดียมในร่างกายมีการเจือจางมากเกินไป จึงทำให้เกิดภาวะสมองบวมได้ จึงทำให้คนที่ดื่มน้ำปริมาณมากในเวลารวดเร็วเกิดภาวะฉุกเฉิน สมองบวมแบบเฉียบพลัน
โดยถ้าร่างกาย โซเดียมต่ำกว่า 135 มิลลิโมลต่อลิตร ก็จะเริ่มมีปัญหาต่าง ๆ ของร่างกายตามมา ปัญหาหลักก็คือ สมดุลน้ำในร่างกาย เพราะโซเดียมช่วยรักษา สมดุลน้ำภายในเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย เมื่อโซเดียมต่ำลง น้ำนอกเซลล์ก็จะเข้าไปในเซลล์ ทำให้เซลล์ต่าง ๆ บวม โดยเซลล์ที่มีผลกระทบมากที่สุด คือ เซลล์สมอง
แต่โอกาสที่ดื่มน้ำมากกว่าปกติ โดยไม่ได้ตั้งใจ มีน้อยมาก ๆ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ ส่วนใหญ่จะเกิดกับนักกีฬา หรือ ทหาร ที่ได้รับการฝึกหนัก จนเหนื่อยและกระหายน้ำ จึงทำให้ดื่มน้ำมากเกินไป
อาการเมื่อ น้ำเป็นพิษ คือ มีการสับสน คลื่นไส้ และอาเจียน อาการงว่งนอน กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ เป็นตะคริว มีปัญหาเรื่องการมองเห็น หายใจลำบาก บางรายที่เป็นหนัก ก็จะสมองบวมและถึงแก่ชีวิตได้
จริง ๆ แล้วเราควรดื่มน้ำ วันละ6-8 แก้วต่อวัน หรือ 2ลิตร วิธีการดื่มที่ดีที่สุดคือ ค่อย ๆ จิบน้ำเรื่อย ๆ และบ่อย แทนการดื่มทีละมาก ๆ เพื่อให้ร่างกายได้ค่อย ๆ ดูดซึมน้ำ และ นำไปใช้อย่างสมดุล