วันตรุษจีน 2567 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไหร่ อะไรควรทำและไม่ควรทำ วันตรุษจีน หรือเทศกาลตรุษจีน เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน และผู้ที่มีเชื้อสายจีนทุกคน ถือเป็นวันที่ชาวจีนจะให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยในการนับวันตรุษจีนมักจะนับตามปฏิทินจีน ซึ่งอาจจะทำให้ในแต่ละปีมีช่วงวันที่ไม่ตรงกัน ซึ่ง วันตรุษจีน 2567 จะตรงกับวันที่เท่าไหร่ วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยวตรงกับวันไหน และมีข้อห้ามอะไรบ้าง เราไปดูคำตอบได้ในบทความนี้กันเลย
ปีหน้า วันตรุษจีน 2567 จะตรงกับวันไหน
วันตรุษจีน จะตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567หรือที่เราเรียกว่าวันเที่ยวนั่นเอง ซึ่งเป็นวันที่คนไทยเชื้อสายจีน จะพาครอบครัวออกไปท่องเที่ยว ทานอาหาร ไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ และ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดง หรือสีสันสดใส ซึ่งวันเที่ยวจะเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลตรุษจีน โดยก่อนหน้านั้นจะเป็นวันจ่ายและวันไหว้ ไปดูกันเลยว่า วันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว มีข้อปฏิบัติอย่างไร
วันจ่าย
วันจ่าย เป็นวันก่อนวันสิ้นปีก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน ถือเป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องออกไปจับจ่ายซื้อของ อาหาร ผลไม้ เครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ มาเตรียมให้พร้อม ซึ่งวันจ่ายในวันตรุษจีน 2567 จะตรงกับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567
วันไหว้
วันไหว้ หรือวันไหว้เจ้า ของวันตรุษจีน 2567 จะตรงกับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ด้วยพิธีไหว้เจ้าจะจัดเป็น 3 ช่วงเวลาด้วยกันได้แก่ ตอนเช้ามืด ตอนสาย และตอนบ่าย โดยมีพิธีดังนี้
ตอนเช้ามืด จะเป็นพิธีการไหว้ ‘ป้ายเล่าเอี๊ย’ ซึ่งเป็นเทพเจ้า โดยมีเครื่องไว้คือ เนื้อสัตว์ 3 อย่าง ได้แก่ หมู เป็ด และไก่ ซึ่งอาจจะเพิ่มตับและปลาก็จะเป็นเนื้อสัตว์ 5 อย่าง ถวายร่วมกับเครื่องดื่มเหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง
ตอนสาย จะเป็นพิธีการไหว้ ‘ป้ายแป๋บ้อ’ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว โดยช่วงเวลาในการไหว้จะไม่เกินช่วงเที่ยงของวัน โดยมีเครื่องไหว้ คือ ซาแซ อาหารคาวหวาน เผากระดาษเงินกระดาษทองหรือข้าวของเครื่องใช้แบบกระดาษเพื่อเป็นการอุทิศแด่ผู้ล่วงลับ
และหลังจากนั้น เหล่าญาติพี่น้องก็จะมารวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารที่ได้เซ่นไหว้ไปเพื่อความเป็นสิริมงคล ถือเป็นการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว และปิดท้ายด้วยการแจกซองอั่งเปาหลังจากที่ได้รับประทานอาหารร่วมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตอนบ่าย จะเป็นพิธีการไหว้ ‘ป้ายฮ่อเฮียตี๋’ เป็นผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว โดยมีเครื่องไหว้ คือ ขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชื่อมน้ำตาล และมีการเผากระดาษเงินกระดาษทอง พร้อมทั้งมีการจุดประทัดเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายเพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล
วันเที่ยว
วันเที่ยว หรือวันตรุษจีน จะตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็นที่ชาวจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีนจะออกไปเที่ยว ไปรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว และจะถือว่าเป็นวันแห่งสิริมงคล ควรงดทำบาปและต้องถือคติบางอย่าง ดังนั้นจึงจะต้องมีทั้งข้อห้ามตรุษจีนและข้อควรทำ ซึ่งได้สรุปมาแล้วดังนี้
สิ่งที่ไม่ควรทำใน วันตรุษจีน
- ห้ามสระผมหรือตัดผม เนื่องจากคำว่า “ผม” พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า “มั่งคั่ง” หากตัดออกไปก็เท่ากับว่าตัดความเป็นสิริมงคลออกไปด้วย
- ห้ามพูดคำหยาบและห้ามทะเลาะกัน รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่าจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี
- ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์ เนื่องจากในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้นการกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีนก็เหมือนเป็นการการขัดขวางความร่ำรวย
- ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน คนจีนเชื่อว่าเทพเจ้าแห่งน้ำเกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน
- ห้ามใส่ชุดขาวดำ เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย
- ห้ามให้ยืมเงิน ข้อห้ามตรุษจีน เพราะจะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด
- ห้ามทำของแตก เพราะเชื่อว่าเป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า “luo di ka hua” ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น
- ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี
- ห้ามร้องไห้ คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี
- ห้ามใช้ของมีคม ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย
- ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย
สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน
- เมื่อไหว้ วันตรุษจีน 2567เสร็จจะต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป
- นัดรวมญาติเพื่อกินเกี๊ยว เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ
- กินเจมื้อเช้า มื้อแรกของปี โดยมีความเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี
- ใส่เสื้อผ้าใหม่สีแดงหรือสีสันสดใส เพิ่มความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
- ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขก และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล
